วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

เสียงครวญจากเด็กสายวิทย์

ในช่วงหนึ่ง ที่ชีวิต ได้ก้าวผ่าน

ความสำราญ ในวันเก่า คราวหนหลัง

เคยงานน้อย เรียนสนุก ไม่จริงจัง

ครั้งนั้นยัง เป็นเด็กชาย ไร้กังวล

ทั้งการเรียน การบ้าน งานก็ง่าย

พอทำได้ พอรับไหว ไม่สับสน
แม้บางเรื่อง จะยากบ้าง ก็พอทน

ปล่อยวันพ้น คืนผ่าน กาลล่วงไป

แล้วช่วงหนึ่ง ของชีวิต ก็พานพบ

ซึ่งอยากหลบ หนีไกล ไหนต่อไหน
ขึ้นมอสี่ มีแต่งาน บานตะไท

ใครจะมา เข้าใจ คงไม่มี

ไซน์คอสแทน-เวกเตอร์ลัพธ์ น่าปวดหัว

ธาตุอะตอม แต่ละตัว อยากถอยหนี

ไอออนิก-โคเวเลนต์ ยากสิ้นดี

ในการสอบ แต่ละที...ทอดถอนใจ


แม้วันนี้ อุปสรรค ยังขวางกั้น

จะฝ่าฟัน ข้ามผ่าน ไปให้ได้

ถึงท้อบ้าง เพื่อความฝัน อันยาวไกล

ฉันจะไม่ ยอมแพ้ อย่างแน่นอน

...ฟิสิกส์ลายกนก...
สิงหาคม 2552


มุมมอง


“Two men look out through : One see to mud and one the stars”
สองคนยลตามช่อง : คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย
(เฟรเดอริก แลงบริดจ์)


ชีวิตเป็นเหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน ทั้งสองด้านไม่ได้อยู่ไกลจากกันเลย เพียงพลิกดูก็จะเห็นอีกด้านของเหรียญนั้น ความสุขและความทุกข์ก็เหมือนกับเหรียญ ที่อยู่ติดกันจนแยกไม่ออก ทุกคนเกิดมาตัวเปล่า และสุดท้ายก็ต้องจากไปตัวเปล่าเช่นเดียวกัน ประดุจดั่งดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นกลีบเมฆขาวในยามเช้า สุดท้ายก็ถึงคราต้องลาลับขอบฟ้าไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์โคจรอยู่ ช่วงเวลาที่โลกยังหมุนอยู่ และช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังดำเนินอยู่นั้น มีเหตุการณ์ดีร้ายใดๆเกิดขึ้นบ้างต่างหาก

เรื่องเดียวกัน แต่หากมองคนละมุม สิ่งที่เห็นอาจแตกต่างกัน การเลิกกับแฟน สำหรับคนๆหนึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่อีกคนหนึ่ง กลับยินดีที่เขา/เธอ พบคนที่ดีกว่า และตนเองก็มีโอกาสที่จะเปิดรับคนใหม่และพบกับเรื่องราวใหม่ๆที่อาจจะดีกว่าเดิม บางคนถึงกับฉลองอิสรภาพครั้งใหญ่ (ด้วยซ้ำ) ทุกคนเกิดมาโดยไม่สามารถเลือกข้อแม้ใดๆได้ แต่ทุกคนสามารถเลือกได้ว่าจะมองโลกในแง่บวกหรือแง่ลบ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แต่เราสามารถผ่านไปได้ด้วยการยอมรับและมีทัศนคติที่ดี จะเลือกสุขหรือทุกข์ก็อยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น จงรู้เท่าทันความทุกข์ที่เกาะหัวใจเราอยู่ ทุกข์มีไว้ให้เห็น ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้เป็น พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ทุกสิ่งในโลกมันเป็นเช่นนั้นเอง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป” ไม่มีสิ่งใดที่จะอยู่คงทนถาวร ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เสื่อมสลายไปตามเหตุตามปัจจัยเช่นกัน หากชีวิตเป็นผืนกระดาษว่างเปล่า ทุกคนก็คงเกิดมาพร้อมกับพู่กันและสี บางคนได้สีที่สดใส บางคนอาจได้สีดำมืด แต่เราก็สามารถสร้างสรรค์ผลงาน “ศิลปะแห่งชีวิต” ให้งดงามได้ดุจเดียวกัน

ชีวิตที่ใช้ได้ คือชีวิตที่ได้ใช้ และความสุขในชีวิต ย่อมได้จากการใช้ชีวิต โลกคือตำราเล่มใหญ่ แต่ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผู้ที่อ่านมันไม่ออก เราจึงต้องอ่านโลกให้ออก และอ่านให้ถูกวิธี เวลาเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วผ่านเลย แต่น่าแปลกที่หลายคน ชอบใช้เวลาไปกับสิ่งไร้ประโยชน์ เวลาในชีวิตมีน้อยมาก ดังนั้นเราจึงต้องใช้มันให้คุ้มที่สุด เราทุกคนเกิดมามีหนึ่งชีวิตเท่ากันอยู่ที่ว่าใครจะใช้ชีวิตได้คุ้มค่าที่สุด คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่เพราะเขามีสิ่งที่ดีที่สุด แต่เพราะเขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก การใช้เวลาปัจจุบันไปกับอดีตและอนาคต ย่อมเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า ภาษิตจีนกล่าวว่า “หนทางไกลหมื่นลี้ เริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ” เมื่อมีก้าวแรกก้าวที่สองก็จะตามมา การเริ่มต้นที่ดีก็เท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง จึงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้า แม้ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม

จากวรรณกรรมเรื่องสามก๊กอันลือลั่น “เล่าปี่” เริ่มต้นจากการเป็นคนทอเสื่อ สานรองเท้าขาย แต่ใน บั้นปลายของชีวิต กลับได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็เพราะทัศนคติที่ดี ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความพยายามอย่างยิ่งยวด จึงทำให้คนเราสามารถขึ้นไปยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดในชีวิต นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของโลก ล้วนเริ่มต้นจากการเป็นนักฝันมาก่อน แต่เขาต่างจากนักฝันคนอื่นๆตรงที่ว่า เขาสามารถทำฝันของเขาให้เป็นจริงโทมัส เอดิสัน อัจฉริยะของโลกผู้หนึ่ง กล่าวไว้ว่า “อัจฉริยะที่แท้จริงนั้น มาจากพรสวรรค์เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่อีกเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ คือหยาดเหงื่อและการทุ่มเท” เพราะทัศนคติบวกกับความพยายาม ในวันนี้เราจึงมีหลอดไฟฟ้า , เครื่องบิน , รถยนต์ , คอมพิวเตอร์ ฯลฯ

คนที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้เป็นเพราะเขาขาดพรสวรรค์ หรือไม่มีความสามารถเทียบเท่ากับคนอื่น แต่เป็นเพราะเขาทิ้งความพยายามไว้กลางทางต่างหาก เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่การไม่เคยล้ม แต่คือการลุกขึ้นสู้ใหม่ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก แม้ในบางครั้งอาจจะต้องพบกับอุปสรรคและปัญหา แต่หนทางยิ่งยากลำบาก การไปถึงยิ่งน่าจดจำ เพราะอุปสรรค การเดินทางจึงมีรสชาติ เรามักพบโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่แฝงมาในรูปของปัญหาที่แก้ไม่ได้เสมอ ถ้าฉันขอให้ชีวิตสมบูรณ์แบบได้ก็คงจะดี แต่ฉันจะไม่ขอ เพราะไม่เช่นนั้น ชีวิตคงจะไม่สอนอะไรให้กับฉันอีกต่อไป ไม่ว่ารัตติกาลจะยาวนานเพียงใด จะช้าเร็วแสงอุทัยเรืองรองย่อมต้องมาแทนที่ ถึงแม้ในตอนนี้จะไร้ซึ่งแสงตะวัน อย่าลืมว่าบนผืนฟ้ายังมีดวงดาวที่ทอแสงอยู่พราวแพรว ถึงอย่างไรก็ยังมีวันพรุ่งนี้ที่เราจะประสบความ สำเร็จได้เสมอ หลังจากที่ได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในวันนี้ เพราะกำลังใจและความมุ่งมั่น บุคคลของโลกอย่างพระพุทธเจ้าผู้ค้นพบสัจธรรมของโลก , อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพ , ทอมัส เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า , พี่น้องตระกูลไรท์ผู้ประดิษฐ์เครื่องบินและสามารถบินอยู่บนอากาศได้เป็นคนแรก, ดาวินชี ศิลปินเอกของโลก หรือแม้กระทั้งจิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้สร้างกำแพงเมืองจีน หนึ่งในเจ็ดสิ่ง มหัศจรรย์ ของโลก จึงประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนคนทั้งโลกรู้จัก ต้นหญ้าที่ถูกไฟป่าเผาผลาญ ยังผลิใบออกมาใหม่เสมอเมื่อมีโอกาส เกิดเป็นคนกลัวอะไรกับอุปสรรค ถ้าได้พยายามอย่างยิ่งยวดแล้ว แม้ล้มเหลวก็ยังน่าจดจำ

สำหรับฉัน ความสุขไม่ได้อยู่ที่วัตถุ อำนาจ ชื่อเสียง หรือเงินตรา แต่อยู่ที่การมองโลกในแง่ดี เพราะเมื่อมองโลกในแง่ดีแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวก็คือความสุข พระพุทธองค์ตรัสว่า “มโนเสฏฺฐา มโนมยา: ใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตัวมนุษย์” จักรพรรดิมาร์คุส ออเรลิอุส แห่งกรุงโรม รับสั่งว่า “ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ที่เราจะคิด” แม้ในคัมภีร์ใบเบิล ก็มีว่า “มนุษย์เรา ย่อมเป็นไปอย่างที่ใจเราคิด” เพราะมองในแง่บวกโลกนี้จึงงดงาม ความสุขเกิดได้ด้วยตัวเราเอง และเกิดขึ้นในใจของเรา เรายังไม่อาจมีความสุขได้จริงๆ หากยังอิจฉาความสุขของคนอื่นอยู่ การที่คนเราจะมีความสุขหรือประสบความสำเร็จในชีวิตก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและความคิดของตัวเราเองไม่ใช่เพราะโอกาสหรือโชคชะตา เราเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อโลกได้ มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกมองดูโคลนตม หรือดวงดาวที่แจ่มจรัสอยู่บนฟากฟ้า

“อาทิตย์ตกทุกวัน แต่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ผู้คนล้วนต้องจากโลกนี้ไป แต่จากไปไม่เหมือนกัน”

ประกวดกลอน"สุขร่มเย็นทั่วหล้า ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"

เชิญชวนเพื่อนๆนักเขียนที่มีหัวใจรักด้านการเขียน ส่งประกวดกลอน "สุขร่มเย็นทั่วหล้า ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ส่งผลงานได้ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก ตู้ป.ณ.193 ปจท. ราชดำเนินนอก กรุงเทพ ภายใน30 กันยายน 2552 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiarmyradio.com

ส่งให้ได้ล่ะ เป็นกำลังใจให้นะครับ